จัดทำโดย นาย โสรฬ เดชศักดา รหัสนักศึกษา 6031280065
1.1. Computer memory(หน่วยความจำคอมพิวเตอร์)
อุปกรณ์เก็บสถานะข้อมูลและชุดคำสั่งเพื่อการประมวลผลของคอมพิวเตอร์หน่วยความจำแบ่งได้เป็นสองประเภทใหญ่
ๆ คือ - หน่วยความจำหลัก หรือหน่วยความจำภายใน (Primary Memory, Internal Memory) คือ
เป็นหน่วยความจำ ที่ใช้เก็บ โปรแกรมข้อมูล ผลลัพธ์ ไว้ภายในเครื่องมี 2 ชนิดคือ ก. Read Only Memory : ROM เป็น
หน่วยความจำที่บริษัทผู้ผลิตได้เขียนบันทึก
ไว้อย่างถาวรแม้ทำการปิดเครื่องก็จะไม่ถูกลบไป
เป็นหน่วยความจำที่คอมพิวเตอร์สามารถอ่านข้อมูลได้เพียงอย่างเดียว
ไม่สามารถบันทึกข้อมูลลงไปในหน่วยความจำชนิดนี้ได้ ข. Random Access Memory : RAM เป็นหน่วยความจำที่ใช้เก็บข้อมูลและโปรแกรม
ซึ่งสามารถเปลี่ยนแแปลง
และเรียกใช้ได้ตลอดเวลาตราบเท่าที่เครื่องคอมพิวเตอร์ยังเปิดใช้งานอยู่
และจะถูกลบหายไปเมื่อเครื่องปิด
1.2 ROM หน่วยความจำในคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
อาทิ มือถือ หรือแท็บเล็ต นั้นจะมีหน่วยความจำอยู่ 2 แบบอยู่ภายในคือ
หน่วนความจำหลักซึ่งเรียกว่า RAM และหน่วนความจำถาวรเรียกว่า ROM โดยหน่วยความจำทั้งสองนี้จะมีความแตกต่างในเรื่องของลักษณะการทำงานเป็นหลัก
ROM ย่อมาจาก Read-only Memory คือหน่วยความจำถาวร ที่เราสามารถเขียนหรือลบโปรแกรมต่างๆได้ แต่ก็มี ROM บางชนิดไม่สามารถที่จะลบข้อมูลในรอมได้เหมือนกัน ซึ่งROM เป็นหน่วยความจำที่ไม่ต้องการไฟเลี้ยง แม้ไม่มีไฟเลี้ยงข้อมูลที่อยู่ในรอมก็จะไม่หายหรือถูกลบออกจากหน่วยความจำถาวร
ROM ย่อมาจาก Read-only Memory คือหน่วยความจำถาวร ที่เราสามารถเขียนหรือลบโปรแกรมต่างๆได้ แต่ก็มี ROM บางชนิดไม่สามารถที่จะลบข้อมูลในรอมได้เหมือนกัน ซึ่งROM เป็นหน่วยความจำที่ไม่ต้องการไฟเลี้ยง แม้ไม่มีไฟเลี้ยงข้อมูลที่อยู่ในรอมก็จะไม่หายหรือถูกลบออกจากหน่วยความจำถาวร
ROM สามารถที่จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกันคือ
1. PROM (Programmable ROM) คือหน่วยความจำที่ไม่สามารถแก้ไขข้อมูลที่บันทึกไว้ได้ โดยส่วนมากแล้วจะเป็นโปรแกรมที่ถูกบันทึกมาจากโรงงานหรือมาจากผู้ผลิตโดยตรงนั่นเอง
2. EPROM (Erasable Programmable ROM) เป็นหน่วยความจำที่สามารถลบข้อมูลหรือโปรแกรมใหม่ได้ หน่วยความจำนี้แบ่งย่อยได้อีก 2ประเภท คือ UV PROM และ EEPROM ซึ่งการลบข้อมูลในโปรแกรมจะใช้วิธีการฉายแสงอุลตราไวโลเล็ต เราจะสังเกตอุปกรณ์ที่เป็น EPROM ได้จากลักษณะของอุปกรณ์ที่มีแผ่นกระจกใสๆอยู่ตรงกลางอุปกรณ์
3. EAROM (Electrically Alterable ROM) เป็นหน่วยความจำอ่านและลบข้อมูลโปรแกรมได้ด้วยการใช้ไฟฟ้าในการลบซึ่งแตกต่างจากแบบ EPROM ที่ต้องใช้การฉายแสงอุลตราไวโลเล็ตในการลบข้อมูล
1.3 RAM หน่วยความจำหลักของคอมพิวเตอร์ (เป็นหน่วยความจำแบบชั่วคราว ซึ่งหมายถึงจะสามารถทำงานได้เมื่อมีกระแสไฟฟ้ามาหล่อเลี้ยง เมื่อมีการตัดกระแสไฟฟ้าหรือปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ข้อมูลใน RAM ก็จะหายไป) RAM เป็นองค์ประกอบที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยรวม รวมถึงความเร็วในการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์
1. PROM (Programmable ROM) คือหน่วยความจำที่ไม่สามารถแก้ไขข้อมูลที่บันทึกไว้ได้ โดยส่วนมากแล้วจะเป็นโปรแกรมที่ถูกบันทึกมาจากโรงงานหรือมาจากผู้ผลิตโดยตรงนั่นเอง
2. EPROM (Erasable Programmable ROM) เป็นหน่วยความจำที่สามารถลบข้อมูลหรือโปรแกรมใหม่ได้ หน่วยความจำนี้แบ่งย่อยได้อีก 2ประเภท คือ UV PROM และ EEPROM ซึ่งการลบข้อมูลในโปรแกรมจะใช้วิธีการฉายแสงอุลตราไวโลเล็ต เราจะสังเกตอุปกรณ์ที่เป็น EPROM ได้จากลักษณะของอุปกรณ์ที่มีแผ่นกระจกใสๆอยู่ตรงกลางอุปกรณ์
3. EAROM (Electrically Alterable ROM) เป็นหน่วยความจำอ่านและลบข้อมูลโปรแกรมได้ด้วยการใช้ไฟฟ้าในการลบซึ่งแตกต่างจากแบบ EPROM ที่ต้องใช้การฉายแสงอุลตราไวโลเล็ตในการลบข้อมูล
1.3 RAM หน่วยความจำหลักของคอมพิวเตอร์ (เป็นหน่วยความจำแบบชั่วคราว ซึ่งหมายถึงจะสามารถทำงานได้เมื่อมีกระแสไฟฟ้ามาหล่อเลี้ยง เมื่อมีการตัดกระแสไฟฟ้าหรือปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ข้อมูลใน RAM ก็จะหายไป) RAM เป็นองค์ประกอบที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยรวม รวมถึงความเร็วในการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์
การทำงานของ RAM นั้น
จะเป็นการทำงานหรือการเขียน/บันทึกข้อมูลแบบสุ่ม ซึ่งหมายถึง
หน่วยประมวลผลกลางหรือ CPU
สามารถเข้าถึงทุกส่วนของ RAM ได้
สามารถบันทึกข้อมูลลงตรงจุดไหนก็ได้
วัตถุประสงค์ก็เพื่อเพิ่มความเร็วในการบันทึกและอ่านข้อมูลนั่นเอง
ตรงนี้เองที่เป็นที่มาของคำว่า Random
access
RAM สามารถแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลัก ดังนี้
1. Input Storage Area
RAM สามารถแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลัก ดังนี้
1. Input Storage Area
เนื้อที่ RAM ส่วนนี้จะเป็นส่วนที่รับข้อมูลจาก
Input
devices เช่น คีย์บอร์ด เมาส์ Barcode reader และอื่นๆ
โดยจะเก็บไว้เพื่อส่งให้ CPU
ทำการประมวผล คำนวณหรือวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นต่อไป
2. Working Storage Area
2. Working Storage Area
เนื้อที่ RAM ส่วนนี้เป็นพื้นที่สำหรับจัดเก็บข้อมูลที่อยู่ในระหว่างการประมวลผลของ
CPU
3. Output Storage Area
เนื้อที่ RAM ส่วนนี้เป็นพื้นที่สำหรับจัดเก็บข้อมูลที่ผ่านการประมวลผล
คำนวณ และวิเคราะห์โดยหน่วยประมวลผลกลางหรือ CPU แล้วและอยู่ระหว่างรอส่งผลการประมวลดังกล่าวกลับคืนไปให้โปรแกรมเจ้าของชุดคำสั่ง
เพื่อแสดงผลทาง Output
devices ตามที่ผู้ใช้งานกำหนดไว้
4. Program Storage Area
4. Program Storage Area
เป็นส่วนที่ใช้เก็บชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่ผู้ใช้ต้องการจะส่งเข้ามา
เพื่อใช้คอมพิวเตอร์ปฏิบัติตามคำสั่งชุดดังกล่าว
หน่วยควบคุมจะทำหน้าที่ดึงคำสั่งจากส่วนนี้ทีละคำสั่งเพื่อทำการแปลความหมาย
ว่าคำสั่งนั้นสั่งให้ทำอะไร จากนั้นหน่วยควบคุมจะไปควบคุมฮาร์ดแวร์ที่ต้องการทำงานดังกล่าวให้ทำงานตามคำสั่งนั้นๆ
หน่วยความจำจะจัดอยู่ในลักษณะแถวแนวตั้ง (CAS:Column Address Strobe) และแถวแนวนอน
(RAS:Row
Address Strobe) เป็นโครงสร้างแบบเมทริกซ์ (Matrix) โดยจะมีวงจรควบคุมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวงจรในชิปเซต
(Chipset) ควบคุมอยู่
โดยวงจรเหล่านี้จะส่งสัญญาณกำหนดแถวแนวตั้ง
และสัญญาณแถวแนวนอนไปยังหน่วยความจำเพื่อกำหนดตำแหน่งของข้อมูลในหน่วยความจำที่จะใช้งาน
RAM มีกี่ชนิด อะไรบ้าง
แรมมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้งาน เช่น
- SRAM (Static RAM)
- NV-RAM (Non-volatile RAM)
- DRAM (Dynamic RAM)
- Dual-ported RAM
- Video RAM
- WRAM
- FeRAM
- MRAM
RAM ที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบันมีอยู่ 2 ประเภทคือ
- SDRAM (Synchronous Dynamic Random Access Memory)
- DDR RAM หรือ DDR-SDRAM (Double Data Rate SDRAM)
Module หรือ รูปแบบของ RAM ที่นิยมใช้มีดังนี้- Single in-line Pin Package (SIPP)
- Dual in-line Package (DIP)
- Single in-line memory module (SIMM)
- Dual in-line memory module (DIMM)
- Small outline DIMM (SO-DIMM) เป็น DIMM ที่มีขนาดเล็ก ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์แล็บท็อป
- Small outline RIMM (SO-RIMM)
แรมมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้งาน เช่น
- SRAM (Static RAM)
- NV-RAM (Non-volatile RAM)
- DRAM (Dynamic RAM)
- Dual-ported RAM
- Video RAM
- WRAM
- FeRAM
- MRAM
RAM ที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบันมีอยู่ 2 ประเภทคือ
- SDRAM (Synchronous Dynamic Random Access Memory)
- DDR RAM หรือ DDR-SDRAM (Double Data Rate SDRAM)
Module หรือ รูปแบบของ RAM ที่นิยมใช้มีดังนี้- Single in-line Pin Package (SIPP)
- Dual in-line Package (DIP)
- Single in-line memory module (SIMM)
- Dual in-line memory module (DIMM)
- Small outline DIMM (SO-DIMM) เป็น DIMM ที่มีขนาดเล็ก ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์แล็บท็อป
- Small outline RIMM (SO-RIMM)
1.4 SD RAM
SDRAM (เอสดีแรม) ย่อมาจากคำว่า Synchronous Dynamic RAM SDRAM คือหน่วยความจำแรมที่พัฒนามาจาก DRAM เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับระบบบัสความเร็วสูงได้
โดยบริษัทซัมซุงเป็นผู้พัฒนาขึ้นมาในปี ค.ศ.1993 ซึ่งหน่วยความจำก่อนหน้านี้ใช้ระบบบัสแบบอะซิงโครนัส
นั่นหมายถึงจังหวะการทำงานของซีพียูกับหน่วยความจำใช้สัญญาณนาฬิกาคนละตัว
จังหวะการทำงานที่ไม่ซิงโครไนซ์กัน จึงเป็นปัญหา
เพราะเทคโนโลยีซีพียูต้องการความเร็วและมีการสร้างระบบบัสมาตรฐานขึ้นมา ชนิดของ SDRAM เช่น PC66 PC100 PC133 หรือ PC200 (จะเห็นว่ามีอักษร
PC แล้วตามด้วยตัวเลขต่อท้ายอยู่ด้วย
ซึ่งก็คือการระบุความเร็วบัสในการทำงานของหน่วยความจำ SDRAM ตัวนั้นคะ
เช่น PC100 ก็แสดงว่า SDRAM ตัวนั้นออกแบบมาให้ทำงานกับระบบบัสที่ความเร็ว
100MHz ) แต่ว่าเมื่อเทคโนลียีแรมพัฒนาขึ้นอีก SDRAM ก็มีผู้ใช้น้อยลง
จนในปัจจุบัน SDRAM ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่เก่าไปแล้ว
1.5 DDR RAM
DDR-RAM (ดีดีอาร์ แรม) หรือ DDR SDRAM ย่อมาจากคำว่า
"Double Data Rate SDRAM" คือ หน่วยความที่ใช้เก็บข้อมูลชั่วคราว (Ram) ที่ได้รับการพัฒนา
และ ยึดถือหลักการทำงานตามปกติของหน่วยความจำแบบ SD-RAM จึงทำให้ทำงานได้เหมือนกัน
SD-RAM แทบทุกอย่าง แตกต่างกันตรงที่ DDR-RAM สามารถทำงานที่ความเร็วสูงกว่า
200MHz (เมกะเฮิร์ตซ) ขึ้นไปได้
และมีความสามารถในการรับส่งข้อมูลเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า คือ
รับส่งข้อมูลได้ทั้งทั้งขาขึ้นและขาลงของสัญญาณนาฬิกา เทียบกับSD-RAM ปกติที่จะรับส่งข้อมูลเฉพาะขาขึ้นของสัญญาณนาฬิกาเพียงด้านเดียวคะ
แรมชนิดนี้สังเกตุได้จากมีจำนวนขาสัญญาณ(Pins)
184 ขา
และเขี้ยวที่ด้านสัมผัสทองแดงมีอยู่ที่เดียว แตกต่างจาก SD-RAM ที่มีอยู่
2 ที่
1.6 Single-channel memory เมื่อสมัยก่อนที่ยังไม่มี multi-channel memory นี้ หน่วยความจำบนคอมพิวเตอร์จะทำงานแบบช่องทางเดียว (single-channel) ดังนี้:
[ Memory Controller ] < ---------64-bit bus width ----------- > [RAM0] + [RAM1]
ยกตัวอย่าง bandwidth สูงสุดในทางทฤษฎี (ใช้แรม DDR3-1600): 800 * 2 * 64 / 8 = 12,800 MB/s
1.7 Dual channel memory Ram dual channel คืออะไร หากจะให้อธิบายง่ายๆเพื่อเป็นความรู้สำหรับคนที่ยังใหม่เรื่องคอมก็เปรียบเทียบง่ายๆคือ ถนน หากเป็นถนนเลนเดียว กรจราจรก็ไม่สะดวก แต่ ถ้าเป็นสองเลน ก็จะสะดวกขึ้น อธิบายแบบนี้คงพอเห็นภาพและเข้าใจได้ใช่ไหม
1.6 Single-channel memory เมื่อสมัยก่อนที่ยังไม่มี multi-channel memory นี้ หน่วยความจำบนคอมพิวเตอร์จะทำงานแบบช่องทางเดียว (single-channel) ดังนี้:
[ Memory Controller ] < ---------64-bit bus width ----------- > [RAM0] + [RAM1]
ยกตัวอย่าง bandwidth สูงสุดในทางทฤษฎี (ใช้แรม DDR3-1600): 800 * 2 * 64 / 8 = 12,800 MB/s
1.7 Dual channel memory Ram dual channel คืออะไร หากจะให้อธิบายง่ายๆเพื่อเป็นความรู้สำหรับคนที่ยังใหม่เรื่องคอมก็เปรียบเทียบง่ายๆคือ ถนน หากเป็นถนนเลนเดียว กรจราจรก็ไม่สะดวก แต่ ถ้าเป็นสองเลน ก็จะสะดวกขึ้น อธิบายแบบนี้คงพอเห็นภาพและเข้าใจได้ใช่ไหม
หากเปรียบเทียบการทำงาน Ram Dual Channel จะส่งข้อมูลได้เร็วกว่า
Single channel แม้ว่าจะเป็นแรมขนาดเดียวกันก็ก็ตาม
เพระต่างกันที่ Bandwidth ที่ Ram
Dual Channel จะมีสูงกว่าถึงเท่าตัว
แต่ก็ยังต้องดูองค์ประกอบอื่นๆด้วยว่ารองรับการใช้งานหรือไม่
ไม่ใช่ว่าจะอัพเกรดกันได้ง่ายๆ หากคอมพ์คุณเป็นบอร์ดรุ่นเก่า หรือ CPU เก่าที่ไม่รองรับ
แต่หากเป็นคอมพ์ใหม่ๆ หรือ ต้องการซื้อใหม่ล่ะก็ เลือกใช้ Ram Dual Channel จะคุ้มกว่า
เพราะจะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจน แต่ก็ยังมีหลายๆคนติงว่า
หากใช้งานไม่มากมันอาจจะไม่คุ้ม หากไม่ได้ใช้งานอะไรมาก แต่ ปัจจุบันการใช้ ram dual channel นั้นนิยมกันมากกว่าและเมื่อรวมๆแล้วจัดชุดคอมพ์มันก็ไม่ได้แพงอะไรมากนักหากจะเสริม
Ram Dual Channel มันจะช่วยประมวลผลได้เร็วยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับการทำงานของ CPU ที่ปัจจุบันแรงและเร็วจึงต้องเลือกแรมที่มีประสิทธิภาพทำงานได้เร็วขึ้นด้วยนั่นเอง และ ram dual channel ก็คือคำตอบ ซึ่งในการทำงานนั้น แรมจะเป็นส่วนที่มีส่วนช่วยในการประมวลผลของข้อมูลต่างๆที่ส่งเข้าและส่งออกตามระบบการทำงานร่วมกับ CPU อุปกรณ์อื่นๆที่ต้องทำงานร่วมกับ Ram ต้องสามารถรองรับได้ด้วยเพื่อให้การทำงานลื่นไหลและไวมากยิ่งขึ้น นั่นเอง
1.8 การติดตั้ง RAM แรมที่ผมนำมาใช้นี้ เป็นแบบ DDR2 (DDR=Double-Data-Rate Synchronous Dynamic Random) เป็นบัส 533 แต่ปัจจุบันส่วนมาจะใช้ DDR3 หมดแล้วนะครับ
Ram Dual Channel มันจะช่วยประมวลผลได้เร็วยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับการทำงานของ CPU ที่ปัจจุบันแรงและเร็วจึงต้องเลือกแรมที่มีประสิทธิภาพทำงานได้เร็วขึ้นด้วยนั่นเอง และ ram dual channel ก็คือคำตอบ ซึ่งในการทำงานนั้น แรมจะเป็นส่วนที่มีส่วนช่วยในการประมวลผลของข้อมูลต่างๆที่ส่งเข้าและส่งออกตามระบบการทำงานร่วมกับ CPU อุปกรณ์อื่นๆที่ต้องทำงานร่วมกับ Ram ต้องสามารถรองรับได้ด้วยเพื่อให้การทำงานลื่นไหลและไวมากยิ่งขึ้น นั่นเอง
1.8 การติดตั้ง RAM แรมที่ผมนำมาใช้นี้ เป็นแบบ DDR2 (DDR=Double-Data-Rate Synchronous Dynamic Random) เป็นบัส 533 แต่ปัจจุบันส่วนมาจะใช้ DDR3 หมดแล้วนะครับ
- การใส่แรม ทั้งSD-DDR-DDR2-DDR3 ต้องหันให้ถูกด้านด้วยครับ
โดยจะมีร่องกันใส่ผิดเอาไว้ มีบางท่าน ใส่ในเคส แต่ทว่า ด้วยความมองไม่เห็น
ก็ยัดๆลงไปผิดด้าน ทั้งๆที่ไม่ลง ทำให้เปิดเครื่องแล้วก็มีควันออกมา
ทำให้แรมเสียหาย หรือบอร์ดอาจตามด้วย การใส่ดูจากภาพเลยครับ
ถูก
ผิด
- ถ้าติดตั้งถูกด้าน ร่อมบนสล็อตและแรมจะตรงกัน
ก็เอามือกดลงไปตรงๆครับ แล้วก้านล็อคข้างๆจะเด้งเข้ามาเอง แต่ให้แน่ใจ
ใช้นิ้วกดให้เข้าล็อคหน่อยดีกว่าครับ
- มีกี่แถว
ก็ทำเหมือนๆกันหมดแนะนำให้ใส่เริ่มจากแถวที่ติดCPU ไล่ออกมานะครับ
Single-channel memory-Dual channel
memory
https://www.overclockzone.com/forums/showthread.php/425071-Dual-Channel-memory-(Dual-Ram)-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%86
Computer memory
http://thn21578-03-2.blogspot.com/2012/02/computer-memory.html
SD RAM - DDR RAM RAM
http://chay-1234.blogspot.com/2010/11/sdram-synchronous-dynamic-ram-sdram.html
https://www.overclockzone.com/forums/showthread.php/425071-Dual-Channel-memory-(Dual-Ram)-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%86
Computer memory
http://thn21578-03-2.blogspot.com/2012/02/computer-memory.html
SD RAM - DDR RAM RAM
http://chay-1234.blogspot.com/2010/11/sdram-synchronous-dynamic-ram-sdram.html
2.1 ชื่อเรียกอื่นๆของกราฟิกการ์ด การ์ดแสดงผลมีชื่อในภาษาอังกฤษหลายคำ รวมถึง video card, display card, graphic adaptor, graphics card , video
board, video display board, display adapter, video adapter , VGA Card
2.2 หลักการทำงานของกราฟิกการ์ด หลักการทำงานของภาพกราฟฟิก คือ ภาพที่เกิดบนจอคอมพิวเตอร์ เกิดจากการทำงานของโหมดสี RGBซึ่งประกอบด้วย สีแดง สีเขียว และสีน้ำเงิน โดยใช้หลักยิงประจุไฟฟ้าให้เกิดการเปล่งแสงของสีทั้ง 3สีมาผสมกัน ทำให้เกิดเป็นจุดสีสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่เรียกว่า พิกเซล (Pixel) ซึ่งมาจากคำว่า Picture กับElement โดยพิกเซลจะมีหลากหลายสี เมื่อนำมาวางต่อกันจะเกิดเป็นรูปภาพ ซึ่งภาพที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์มี 2 ประเภท คือ แบบ Raster กับ Vectorตัวประมวลผลกราฟิกการ์ด
2.3 ตัวประมวลผลกราฟิกการ์ด (GPU) Graphics Processing unit (GPU) สามารถเรียกอีกชื่อหนึ่งได้คือ visual processing unit (VPU) ซึ่ง GPU มีได้ทั้งที่เป็น การ์ด หรือเป็นส่วนหนึ่งของแผงเมนบอร์ดก็ได้แต่ในปัจจุบันการ์ดแสดงผลส่วนใหญ่อยู่ในรูปของการ์ด หน้าที่หลักของ GPU ก็คือช่วยในการประมวลการทำงานในด้านภาพกราฟฟิกบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นหลักการทำงานก็คล้ายกับ CPU แต่จะแตกต่างกันตรงที่ การ์ดแสดงผลสมัยเก่า ทำหน้าที่แปลงข้อมูลดิจิตอลเป็นสัญญาณเท่านั้น แต่จากกระแสความนิยมของการ์ดเร่งความเร็วสามมิติ ในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษที่ 90 โดยบริษัท 3dfx และ nVidia ทำให้เทคโนโลยีด้านสามมิติพัฒนาไปมาก ปัจจุบันการ์ดแสดงผลสมัยใหม่ได้รวมความสามารถในการแสดงผลภาพสามมิติมาไว้เป็นมาตรฐาน และได้เรียกชื่อใหม่ว่า GRAPHICS PROCESSING UNIT โดยสามารถลดงานด้านการแสดงผลของ
2.4 หน่วยความจำของกราฟิกการ์ด หน่วยความจำของกราฟิกการ์ด
2.2 หลักการทำงานของกราฟิกการ์ด หลักการทำงานของภาพกราฟฟิก คือ ภาพที่เกิดบนจอคอมพิวเตอร์ เกิดจากการทำงานของโหมดสี RGBซึ่งประกอบด้วย สีแดง สีเขียว และสีน้ำเงิน โดยใช้หลักยิงประจุไฟฟ้าให้เกิดการเปล่งแสงของสีทั้ง 3สีมาผสมกัน ทำให้เกิดเป็นจุดสีสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่เรียกว่า พิกเซล (Pixel) ซึ่งมาจากคำว่า Picture กับElement โดยพิกเซลจะมีหลากหลายสี เมื่อนำมาวางต่อกันจะเกิดเป็นรูปภาพ ซึ่งภาพที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์มี 2 ประเภท คือ แบบ Raster กับ Vectorตัวประมวลผลกราฟิกการ์ด
2.3 ตัวประมวลผลกราฟิกการ์ด (GPU) Graphics Processing unit (GPU) สามารถเรียกอีกชื่อหนึ่งได้คือ visual processing unit (VPU) ซึ่ง GPU มีได้ทั้งที่เป็น การ์ด หรือเป็นส่วนหนึ่งของแผงเมนบอร์ดก็ได้แต่ในปัจจุบันการ์ดแสดงผลส่วนใหญ่อยู่ในรูปของการ์ด หน้าที่หลักของ GPU ก็คือช่วยในการประมวลการทำงานในด้านภาพกราฟฟิกบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นหลักการทำงานก็คล้ายกับ CPU แต่จะแตกต่างกันตรงที่ การ์ดแสดงผลสมัยเก่า ทำหน้าที่แปลงข้อมูลดิจิตอลเป็นสัญญาณเท่านั้น แต่จากกระแสความนิยมของการ์ดเร่งความเร็วสามมิติ ในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษที่ 90 โดยบริษัท 3dfx และ nVidia ทำให้เทคโนโลยีด้านสามมิติพัฒนาไปมาก ปัจจุบันการ์ดแสดงผลสมัยใหม่ได้รวมความสามารถในการแสดงผลภาพสามมิติมาไว้เป็นมาตรฐาน และได้เรียกชื่อใหม่ว่า GRAPHICS PROCESSING UNIT โดยสามารถลดงานด้านการแสดงผลของ
2.4 หน่วยความจำของกราฟิกการ์ด หน่วยความจำของกราฟิกการ์ด
การ์ดแสดงผลหรือการ์ดจอที่เราเรียกติดปากกันนั้น
มีส่วนหนึ่งที่เป็นตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการ์ดแสดงผลก็คือ ความเร็วของหน่วยความจำ
(RAM) บนการ์ดแสดงผล
เพราะชิปกราฟิกจะต้องติดต่อกับหน่วยความจำตลอดเวลา และการประมวลผลกราฟิกต่างๆ
นั้นต้องใช้พื้นที่จำนวนมาก ดังนั้น การ์ดแสดงผลที่มีแรมจำนวนมาก
และทำงานได้รวดเร็วจะส่งผลการ์ดแสดงผลสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดถ้าอยากรุ้ว่าของเราเป็น
Mini
2.5 มาตรฐานช่องติดตั้งการฟิกการ์ด
TowerหรือMid Tower
= ดูที่ขนาดตัวของมัน ถ้าไม่มีรูปผมบอกยากมากแล้วเคสmini Towerนี้ใส่การ์ดจอได้ทุกรุ่นรึเปล่า แบบว่ากาดจอมีขนาดใหญ่ไปแล้วใส่ไม่ได้อะไรอย่างงี้นะครับ(คือกำลังจะซื้อมาใส่)
= ขึ้นอยู่กับรูปทรงละตัวเคส ว่ารองรับการ์ดจอความ สั้น-ยาว แค่ไหน ให้ดูที่ Expantion Slot เคสบางตัวขนาดเล็กใส่ได้หมดบางตัว เคสใหญ่แต่ใส่การ์ดจอรุ่นใหญ่ไม่ได้ ของแบบนี้มันไม่มีมาตรฐานตายตัวขึ้นอยู่กับรูปทรงและการออกแบบ ของเคส
2.6 การวัดประสิทธิภาพของการฟิกการ์ด ปัจจุบัน การ์ดจอ มีฟังชั่นค่อนข้างหลากหลายครับ ทำให้ตัววัดที่เป็นมตราฐาน นั้นจึงมีหลายตัวหลายแบบ เช่น เกมส์ โปรแกรมแปลงไฟล์ โปรแกรมด้านกราฟฟิค และถึงแม้จะเอาโปรแกรม ตระกูลเดียวกันมาวัด (เช่นเกมส์) ก็ยังมีความแตกต่าง
2.5 มาตรฐานช่องติดตั้งการฟิกการ์ด
TowerหรือMid Tower
= ดูที่ขนาดตัวของมัน ถ้าไม่มีรูปผมบอกยากมากแล้วเคสmini Towerนี้ใส่การ์ดจอได้ทุกรุ่นรึเปล่า แบบว่ากาดจอมีขนาดใหญ่ไปแล้วใส่ไม่ได้อะไรอย่างงี้นะครับ(คือกำลังจะซื้อมาใส่)
= ขึ้นอยู่กับรูปทรงละตัวเคส ว่ารองรับการ์ดจอความ สั้น-ยาว แค่ไหน ให้ดูที่ Expantion Slot เคสบางตัวขนาดเล็กใส่ได้หมดบางตัว เคสใหญ่แต่ใส่การ์ดจอรุ่นใหญ่ไม่ได้ ของแบบนี้มันไม่มีมาตรฐานตายตัวขึ้นอยู่กับรูปทรงและการออกแบบ ของเคส
2.6 การวัดประสิทธิภาพของการฟิกการ์ด ปัจจุบัน การ์ดจอ มีฟังชั่นค่อนข้างหลากหลายครับ ทำให้ตัววัดที่เป็นมตราฐาน นั้นจึงมีหลายตัวหลายแบบ เช่น เกมส์ โปรแกรมแปลงไฟล์ โปรแกรมด้านกราฟฟิค และถึงแม้จะเอาโปรแกรม ตระกูลเดียวกันมาวัด (เช่นเกมส์) ก็ยังมีความแตกต่าง
อ้างอิง
กราฟิกการ์ด http://itsentre.blogspot.com/2013/03/graphic-card.htmlหลักการทำงานของกราฟิกการ์ด http://navigatorgraphic2d.blogspot.com/2011/11/rgb-3-pixel-picture-element-2-raster.htmlตัวประมวลผลกราฟิกการ์ด
(GPU) http://vgath.blogspot.com/2015/06/graphics-processing-unit-gpu.htmlหน่วยความจำของกราฟิกการ์ด http://itsentre.blogspot.com/2013/04/blog-post.html มาตรฐานช่องติดตั้งการฟิกการ์ด https://pantip.com/topic/35044596การวัดประสิทธิภาพของการฟิกการ์ด https://pantip.com/topic/30955781
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น